คุณผู้อ่านที่รัก

เห็นชื่อผู้เขียนบทความนี้แล้ว คุณอาจจะสงสัยว่า หมอนี่ใครหว่า?

ธนกฤต อินมาตัน หรือ “หนาว” (Naow27) เป็นคุณผู้อ่านของ Headlightmag
มาตั้งแต่วันที่ผมเริ่มเปิดเว็บไซต์ แห่งนี้ เมื่อปี 2009 ตอนนี้ เขาโตขึ้น และได้
เข้าศึกษาต่อ ในคณะ วิจิตรศิลป์ สาขาศิลปะการถ่ายภาพ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่

ระหว่างนั้น “หนาว” เปิดเว็บไซต์รถยนต์ ของตนเอง ชื่อ Carside.in.th ขึ้นมา
เพื่อเป็นช่องทางในการนำเสนอข่าวสารวงการรถยนต์ ในมุมมองคนพื้นที่ใน
จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก็มีคุณผู้อ่านจำนวนประมาณหนึ่ง ที่ติดตามรับชมผลงาน
ของ”หนาว” และผองเพื่อน มาเป็นเวลา 5 ปี แล้ว

3 เดือนก่อน “หนาว” ติดต่อมาขอ “ฝึกงาน” กับผม โดยทางมหาวิทยาลัย ส่ง
จดหมายรับรองจากทางคณะฯ มาให้เรียบร้อย และการฝึกงานอย่างจริงจัง
ก็เริ่มขึ้น เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2016 ที่ผ่านมานี่เอง โดยจะทำงานให้กับเรา
เท่านั้น ในระหว่างนี้ Carside ก็จะถูกดำเนินการโดย ผองเพื่อนทีมงานของ
“หนาว” ไปพลางๆก่อน

เป็นโอกาสอันดีที่ “หนาว” จะได้เรียนรู้รู้เรื่องราวมากมายหลายสิ่ง ในการ
ทำงานจริง ภายใต้สภาวะต่างๆ ทั้งการกดดันจากกำหนดเส้นตายกระชั้นชิด
การตรงต่อเวลา ความพยายามในการรับมือกับการทำงานเป็นหมู่คณะ การ
ประสานงานกับผู้อื่น ฝึกความรับผิดชอบในด้านต่างๆ ฯลฯ อีกมากมาย
เพื่อให้ท้ายที่สุด ทุกสิ่งที่”หนาว” ได้เรียนรู้ไป จะเป็นประโยชน์ ต่อการ
ทำงานของตนในอนาคต

นอกจากความรับผิดชอบในด้านการถ่ายภาพ และปรับแต่งรูป บนโปรแกรม
แต่งภาพแล้ว หนึ่งในสิ่งที่ “หนาว” จะต้องทำ เพื่อให้ผ่านการฝึกงานครั้งนี้
คือการ เขียนบทความรีวิวรถยนต์ ให้ได้ตามมาตรฐานของ Headlightmag
ซึ่งจะต่างไปจากสมัยที่เจ้าตัว ทำอยู่บนเว็บไซต์ Carside ของตนโดยสิ้นเชิง

แม้ว่า ภาคการจับเวลา และทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง จะยังคงเป็น
ผม ที่ต้องดูแล เพื่อให้ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของเรา แต่ บทความชิ้นนี้
คือผลงานจากการทุ่มเทของ”หนาว” ที่พวกเราใน The Coup Team ช่วยกัน
กลั่นกรอง และตรวจทานกันมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ยังคงอรรถรส และสาระ
อย่างตรงไปตรงมา ตามหลักการดั้งเดิมของ Headlightmag ทุกประการ

ขอเชิญคุณผู้อ่าน ร่วมทรรศนา ไปด้วยกัน ณ บัดนี้

ด้วยความเคารพในคุณผู้อ่านเหมือนเช่นเคย

J!MMY
Website Director
www.Headlightmag.com

 


 

คุณเคยมีเพื่อนสนิทไหมครับ?

เพื่อนที่เรารู้จักมานาน ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย จนรู้นิสัยใจคอกันอย่างดี แต่
ด้วยวันเวลาผ่านไป เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง เราพบเห็นบางสิ่งในตัว
เพื่อนคนเดิม ว่าเปลี่ยนไป

ผมก็มีเพื่อนสนิทแบบที่ว่านี้คนหนึ่ง…ชื่อของเขาคือ “อุ้ม”

เรารู้จักกันตั้งแต่ ประถมศึกษาปีที่ 6 นิสัยแรกๆที่เห็นคือ อุ้มใช้ชีวิตผาดโผน
มีความเชื่อมั่นสูง ด้วยเหตุที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างเหลือกินเหลือใช้ อุ้มจึง
มักจะได้ข้าวของใหม่ๆ ก่อนเพื่อนคนใดใครคนอื่นอยู่เสมอ โทรศัพท์มือถือ
หรือมอเตอร์ไซค์ คือ 2 สิ่ง ที่ อุ้มมีใช้ตั้งแต่ประถม 6 แล้ว เวลามีเป้าหมาย
จะทำอย่างจริงจัง แต่พออยู่ในโหมดบ้าๆ มักจะสนุกแบบขีดสุดถึงขั้นผมเอง
ต้องยอมแพ้ยกธงขาวมาแล้ว

เราคุยกันมาตลอด จนกระทั่งช่วงปิดเทอม ต่างคนต่างเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
ผมกับอุ้มจึงขาดการติดต่อกัน แต่เพียง 1 ปีให้หลัง ผมได้เจอกับ อุ้ม อีกครั้ง
ในงานลอยกระทง อุ้ม มาพร้อมกับบุคลิกใหม่ที่ดูนิ่ง สุขุม และผู้ใหญ่มากขึ้น
มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น ถึงกระนั้น ผมก็ยังสัมผัสได้ว่า ต่อให้อุ้มมองโลก
กว้างขึ้นแค่ไหน แต่ตัวตนข้างในที่แท้จริงของอุ้ม ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

2016_06_Toyota_Vios_CVT_01

เรื่องราวของเพื่อนที่ชื่อ อุ้ม มันช่างคล้ายกับความรู้สึกของผมขณะยืนมอง
Toyota Vios คันนี้อยู่

แน่ละครับ ช่วงนี้ Toyota บ้านเรา จับเอา Boyband ชื่อดังฝั่งอังกฤษอย่างวง
One Direction มาถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณา ออกฉายเฉพาะในประเทศไทย
ภายใต้สโลแกนล่าสุด “All Time Friend” ซึ่งสื่อถึงบุคลิกของ Vios ที่พร้อม
เป็นเพื่อนร่วมทางในชีวิตของผู้คน เผชิญเรื่องราวร่วมทุกข์ และสุขมาตลอด
แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความเป็นเพื่อนยังคงเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ เพื่อนคนเดิมของหลายๆคน ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง
บางสิ่งบางอย่างในตัวเอง เพื่อให้รองรับกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต
ที่เพิ่งประกาศใช้ เมื่อ 1 มกราคม 2016 ที่ผ่านมา

ทำให้เครื่องยนต์ 1NZ-FE และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ซึ่งอยู่คู่กับ Vios มานาน
ถึง 14 ปี (นับตั้งแต่ ธันวาคม 2002) เป็นอันต้องยุติบทบาทลง แม้ว่าจะมีชื่อเสียง
เรื่องความทนทาน และบำรุงรักษาง่ายก็ตาม

อันที่จริง กระแสข่าวการปรับปรุง Vios ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ มีมาตั้งแต่ช่วงกลางปี
2015 แล้ว จนกระทั่ง 4 มีนาคม 2016 Toyota ได้ส่งรายละเอียดของ Vios รุ่นปี
2016 มาถึงมือสื่อมวลชนในที่สุด หลายๆคน ต่างพากันเซ็ง เพราะมองไม่เห็น
ความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นกับรูปโฉมภายนอกของ Vios เลยแม้แต่น้อย

ทว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเปลี่ยนเครื่องยนต์และเกียร์ลูกใหม่ ซึ่งทำให้เกิดข้อ
สงสัยขึ้นมาว่า “มันจะแรงและประหยัดน้ำมันกว่าเดิมไหม?” ผมมีโอกาสใช้ชีวิต
กับ Vios ใหม่เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อหาความแตกต่างจากรถรุ่นเดิม

แต่สิ่งที่ผมได้พบนั้น มันแอบมีบางอย่างซ่อนอยู่มากกว่าแค่การเปลี่ยนขุมพลัง
และเกียร์ใหม่

อยากรู้ไหมครับว่า ผมเจออะไร?
ลองเลื่อนลงไปอ่านเรื่องราวข้างล่างนี้เรื่อยๆ ไปจนจบนะครับ

2016_06_Toyota_Vios_CVT_03

Toyota Vios รุ่นปัจจุบัน เป็นรุ่นที่ 3 หากนับเฉพาะ ตระกูล Vios ที่เปิดตัวครั้งแรก
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2002 แต่ถ้านับรวมกับ Toyota Soluna รุุ่นแรก ซึ่งเผยโฉมมา
ตั้งแต่ 31 มกราคม 1997 แล้ว ต้องถือว่า Vios ใหม่ เป็นรุ่นที่ 4 ในตระกูล

Vios โฉมปัจจุบัน รหัสรุ่น NSP151R ถูกเปิดผ้าคลุมครั้งแรกในโลก ณ งาน Bangkok
International Motor Show 2013 รอบ VIP วันที่ 25 มีนาคม 2013 หลังจากนั้น
Toyota จึงจับกระแสกระตุ้นตลาด ในอีก 3 เดือนต่อมา ด้วยการนำ นักแสดงชื่อดัง
ในเวลานั้นอย่าง”เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข” มาเป็น Presenter ภายใต้แคมเปญ ใหม่
“V-Control เจมส์สั่งได้ คุณก็สั่งได้” หลังจากที่ปล่อยแคมเปญนี้ไป ยอดขายก็
เพิ่มขึ้นมานิดนึง พอล่วงเข้าปี 2014 ก็ได้ดาราสาว”เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ”
มาประกบคู่ด้วย ในแคมเปญเดียวกัน

ผ่านไป 2 ปี Toyota ได้ทุ่มงบมหาศาล ดึง Boyband ชื่อดังระดับโลกจากอังกฤษ
อย่าง One Direction มาเป็น Presenter ออกอากาศครั้งแรกกลางงาน คอนเสิร์ต
World Tour ของทางวง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน พร้อมกับแคมเปญใหม่
“All Time Friend” ซึ่งยังคงใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

สังเกตว่า ตลอดอายุตลาดที่ผ่านมา Toyota ทุ่มงบประมาณเพื่อโฆษณา Vios ใหม่
ไปเยอะมาก ผลตอบรับกลับมา ก็นับว่าพอจะคุ้มอยู่ เพราะยอดขายสะสมของ
Vios ใหม่ ตั้งแต่เปิดตัว เดือนมีนาคม 2013 จนถึง มกราคม 2016 มีตัวเลขรวม
มากถึง 155,000 คัน โดยที่แทบไม่ต้องปรับปรุงแก้ไขตัวรถกันเลย!!

รูปลักษณ์ภายนอกของ Vios รุ่น S มีความยาวตัวถัง 4,410 มิลลิเมตร กว้าง 1,700
มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อ
หน้า / หลัง (Front / Rear Track) อยู่ที่ 1,455 และ 1,445 มิลลิเมตร ระยะห่างจาก
พื้นถนนจนถึงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) 145 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถเปล่า
1,075 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร

ทุกอย่างที่กล่าวรวมไปถึงการออกแบบภายนอกของรุ่น S เหมือนเดิมทุกประการ
ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าแบบโครเมียมรมดำ ไฟหน้าแบบ Projector แบบ Multi-
Reflector ไฟตัดหมอกหน้า กระจกมองข้างปรับ-พับแบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวที่
กระจกมองข้าง ไฟท้ายดีไซน์เดิม พร้อมทับทิมสะท้อนแสงที่เปลือกกันชนหลัง
ล้ออัลลอย ของรุ่น S เป็นขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/50 R16

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Keyless_Entry

ระบบกุญแจ ยังคงเป็นแบบ Keyless Smart Entry เพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัว
เดินเข้าไปใกล้รถ กดปุ่มสีดำบนมือจับประตู ก็สามารถล็อค / ปลดล็อกประตู
ได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจรีโมทขึ้นมา มีระบบป้องกันโจรกรรม Immobilizer
มาให้ แต่ตัวรีโมทกุญแจยังคงใช้แบบรุ่นเดิม

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Interior

การเข้า-ออกตัวรถ ภายในห้องโดยสาร , สัมผัสจากเบาะนั่ง ทั้งคู่หน้าและด้านหลัง
แผงหน้าปัด พวงมาลัยปรับระดับสูง – ต่ำได้ (แต่ปรับระยะใกล้ – ห่าง Telescopic
ไม่ได้) ติดตั้งอยู่ใกล้กับขอบด้านบนของชุดมาตรวัดมากไป ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ทัศนวิสัย รวมไปถึงเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า ELR 3 จุด ที่ยังคง
ไม่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำ ได้ ทั้งที่รุ่นปี 2007 ยังทำได้ ไม่เว้นแม้กระทั่ง ชุดแผง
ฟิวเจอร์บอร์ดสีดำ กั้นเบาะหลังกับห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ ก็ยังคงเหมือนเดิม

ความแตกต่างที่เห็น มีเพียง 2 จุดเท่านั้น ทั้งการปรับปรุงฐานคันเกียร์ มาเป็นแบบ
Gate Type พร้อมโหมด +/- และเพิ่มปุ่มเปิด/ปิด ระบบ VSC ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับปุ่ม
ติดเครื่องยนต์ Push Start ส่วนอื่นๆ สามารถไปอ่านได้ที่ บทความ Full review
Toyota VIOS MY 2013 โดยพี่ J!MMY ได้ที่นี่ CLICK HERE

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Engine_01_2NR_FBE

********** รายละเอียดทางวิศวกรรม และการทดลองขับ **********

ไฮไลท์สำคัญในการปรับปรุง Vios ครั้งนี้ คือการเปลี่ยนเครื่องยนต์และเกียร์ลูกใหม่ โดย
เครื่องยนต์ 1NZ-FE และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ที่ใช้มาตั้งแต่รุ่น Britney Spear ปี 2002
จนถึงปัจจุบัน ถูกปลดประจำการออกไป ด้วยเหตุผลจากการปล่อยไอเสียที่ไม่ผ่านมาตรฐาน
แน่นอนครับว่าหากจะรอการปรับโฉม Minorchange ก็กระไรอยู่ Toyota ก็เลยตัดสินใจว่า
วางครื่องยนต์ใหม่เป็นการแก้ขัดไปก่อน

เครื่องยนต์บล็อกใหม่นี้ เป็นรหัสรุ่น 2NR-FBE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,496 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 72.5 x 90.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.5 : 1
จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกซ์ EFI ควบคุมด้วย กล่อง ECU แบบ 32 Bit
พร้อมระบบแปรผันวาล์วแบบคู่ Dual VVT-i (Dual Variable Valve Timing-intelligent)

ใช้หัวเทียน DENSO SC16HR11 ระยะห่างเขี้ยวหัวเทียนอยู่ที่ 1.1 มิลลิเมตร
ระยะห่างวาล์วไอดี-ไอเสีย และ ความตึงสายพานขับ ปรับอัตโนมัติ
ความจุอ่างน้ำมันเครื่อง 3.3 ลิตร

กำลังสูงสุด 108 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร (14.4 กก.-ม.)
ที่ 4,200 รอบ/นาที ปล่อยก็าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ระดับ 135 กรัม/กิโลเมตร*
(*ข้อมูลจาก http://www.car.go.th/) ผ่านมาตรฐานไอเสีย ระดับ Euro5 รองรับพลังงงาน
เชื้อเพลิงตั้งแต่ เบนซิน 91 , เบนซิน 95 , แก็สโซฮอล์ 91 , แก็สโซฮอล์ 95 , E20 และ E85

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Engine_02_Transmission

ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน CVT -7 พร้อมโหมดบวก/ลบ
ที่คันเกียร์ ให้ผู้ขับเลือกเปลี่ยนตำแหน่งการล็อกพูเลย์ ได้ 7 ตำแหน่ง และมีปุ่ม Shift Lock
สำหรับการปลดเกียร์ว่าง ใช้น้ำมันเกียร์ Toyota Genuine CVT Fluid FE ปริมาณ 7.5 ลิตร
อัตราทดเกียร์มีดังนี้

อัตราทดเกียร์……………………….2.480 – 0.396
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง……………2.604 – 1.680 (รุ่นเดิม 2.343)
อัตราทดเฟืองท้าย…………………4.761 (รุ่นเดิม 4.237)

เรายังคงทำการทดลองหาอัตราเร่งกันในตอนกลางคืน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ
ต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง โดยทำการจับเวลาภายใต้มาตรฐานดั้งเดิมคือ เปิดไฟหน้า เปิดแอร์
และ นั่ง 2 คน (พี่ J!MMY กับ Naow) และตัวเลขที่ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับ Vios รุ่นเดิม กับ
คู่แข่งในตลาด B- Segment ทั้งหมด มีดังนี้

VIOS_table_edit2 vios_my2016_02

เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าตัวเลขมันเร็วขึ้นอย่างชัดเจน แม้แรงม้าจะหายไป 1 ตัว
และแรงบิดจะหายไป 1 นิวตันเมตร สาเหตุที่ไวขึ้นมาจากความต่อเนื่องในการ
ทำงานของเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ไม่ต้องนั่งมารอเปลี่ยนจังหวะ แล้วไล่รอบ
เครื่องยนต์ขึ้นไปใหม่ เหมือนเกียร์อัตโนมัติใน Vios รุ่นเดิม

หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน จะพบว่าช่วง 0-100 กิโลมตร/ชั่วโมง
Vios ใหม่ เฉือนชนะ MG5 ไปนิดเดียว แต่ยังทำเวลาสู้ Mazda 2 SkyActiv-D
และ Honda City ไม่ได้ ขณะเดียวกัน ช่วงเร่งแซง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Vios ใหม่ ก็ยังแพ้ MG5 Honda City และ Mazda 2 SkyActiv-D อยู่

แต่เมื่อได้ขับจริง กลับไม่ได้รู้สึกไวตามที่เห็นในตัวเลขในตารางข้างบน การออกตัว
จากจุดหยุดนิ่ง ก็ยังให้ความรู้สึกไม่ต่างจากรถรุ่นเดิมมากนัก แถมเวลาออกตัว แบบ
กดครึ่งคันเร่ง รถรุ่นเดิมกลับให้ความรู้สึกพุ่งมากกว่านิดๆด้วยซ้ำ ส่วนการตอบสนอง
ของคันเร่งเมื่อเหยียบลงไปแบบเต็มเท้า ยังมีจังหวะหน่วงอยู่ให้รู้สึกได้ในช่วงแรก

ทว่า พอเข็มความเร็วขึ้นไปถึง 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง พละกำลังจะเริ่มไหลต่อเนื่อง
และมาเรื่อยๆ ถ้าต้องการความกระฉับกระเฉง ให้กดคันเร่งสัก 60% รอบเครื่องยนต์
จะไหลเร็วขึ้น ในช่วงเร่งแซงโดยกดคันเร่ง 70 – 100% รถมีการตอบสนองไวขึ้นจาก
รุ่นเดิมจนรู้สึกได้ เพราะเกียร์อัตโนมัติ CVT สามารถเลือกอัตราทดในการขับเคลื่อน
ที่เหมาะสมได้อย่างละเอียดกว่ารุ่นเดิมนั้นเอง

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Engine_03_Top_Speed

ส่วนความเร็วตั้งแต่ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป พละกำลังจะไหลมาต่อเนื่อง
เรื่อยๆ จนถึงระดับประมาณ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง เข็มความเร็วจะเริ่มไต่ช้าลง
กระนั้นยังพอไหลไปได้ถึงช่วง 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าหากเกินกว่านั้น
เข็มวัดจะขยับข้นไปช้ามากๆ ต่อให้มีเนินช่วยส่งตอนขาลงด้วย ก็ยังขึ้นไปได้
สูงสุด 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 3,200 รอบ/นาที

ทั้งนี้การทำความเร็วสูงสุด เราทำการในช่วงเวลากลางคืนและใช้ระยะเวลาสั้นๆ
เราคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเราเอง รวมทั้งผู้ร่วมใช้เส้นทางอย่างเข้มงวด
ด้วยเหตุผลของการให้ข้อมูลอ้างอิง เพื่อเป็นข้อมูลองค์ความรู้แก่มวลชนเท่านั้น
โปรดอย่าไปทดลองด้วยคนเอง โดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว
ยังอาจก่ออันตรายถึงชีวิต ทั้งต่อตนเองและผู้บริสุทธิ์อื่นๆอีกด้วย! และหากเกิด
เหตุการณ์ใดๆขึ้น เราจะไม่รับผิดชอบในทุกกรณี ! เพราะถือว่านำไปทำกันเอง
ทั้งที่เราก็ได้เตือนและห้ามปรามกันแล้ว

ส่วนการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ CVT ใน Vios ใหม่ หากเทียบเป็นนิสัยคน
จะเปรียบได้ว่า”รู้ใจแต่แอบซื่อบื้อ”

เพราะสำหรับคนที่ขับรถยนต์แบบปกติ หากคุณต้องการเลี้ยงความเร็วให้คงที่
เกียร์ลูกนี้ดูเหมือนพยายามเอาใจด้วยการปรับลดรอบเครื่องยนต์ ให้ต่ำมากสุด
เพื่อความประหยัดน้ำมัน แต่เมื่อรอบเครื่องยนต์ลดลง ความเร็วของรถยนต์ก็จะ
ลดลงนิดหน่อยตามไปด้วยเช่นกัน ทำให้ต้องกดคันเร่งเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยกับ
ความเร็วที่หายไป

แต่สำหรับบรรดาวัยรุ่นเท้าหนัก เพียงแค่เข้าเกียร์ D แล้วกดคันเร่งลงไปเต็มมิด
100% แรงบิดทั้งหมดที่มีอยู่จะถูกเรียกออกมาใช้งานอย่างทันใจ และต่อเนื่อง
ยิ่งถ้าคุณอยู่ในอารมณ์อยากบู๊จริงๆ อาจต้องใช้โหมด +/- เข้าช่วย เพื่อให้คุณ
ได้รู้สึกถึงบุคลิกของเกียร์อัตโนมัติแบบปกติ เพราะเกียร์จะยอมให้คุณลากรอบ
เครื่องยนต์ จนถึง 6,000 รอบ/นาที ก่อนจะตัดจังหวะเพื่อเปลี่ยนเกียร์เพิ่มขึ้น
โดยรอบเครื่องยนต์จะถูกตัดลดลงมาเหลือ 4,500 รอบ/นาที โดยประมาณ
พร้อมรอให้คุณเหยียบลากรอบกันต่อไปยังเกียร์ถัดๆไป โดยแบ่งอัตราทดเป็น
7 จังหวะ

การเก็บเสียงในช่วงความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตรงเสา A-Piliar
กระจกบังลมด้านหน้า ขอบประตู ภาพรวมดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย รวมไปถึงเสียง
รบกวนจากใต้ท้องรถหรือ NVH (Noise Vibration & Harshness) ก็ลดน้อยลง
เช่นเดียวกัน แต่เมื่อถึงความเร็วเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง เสียงลมปะทะจะเริ่ม
ดังขึ้นทั้งด้านข้าง ใต้ท้องรถ ซึ่งไม่ต่างจากรุ่นเดิม

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Engine_04_Naow_Drive

ระบบบังคับเลี้ยว เป็นพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรง
แบบไฟฟ้า EPS (Electronics Power Steering) เหมือนรุ่นเดิม ในแง่ของการ
ควบคุมถือว่าเป็นธรรมชาติมากขึ้น On Center feeling หรือความรู้สึกขณะถือ
พวงมาลัยควบคุมรถไปตรงๆ นิ่งและดีขึ้น อาการที่ต้องคอยแต่งพวงมาลัยซ้ายๆ
ขวาๆ ขณะแล่นด้วยความเร็วเดินทาง ที่เจอในรุ่นเดิม บัดนี้ Toyota ได้แก้ไขจน
เรียบร้อยแล้วครับ แถมน้ำหนักหนืดขึ้นนิดนึง และมีระยะฟรีเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก
นิดนึงด้วย

กระนั้น อัตราทดเฟืองก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ยังต้องเติมพวงมาลัยเพิ่มขึ้น
ในขณะหักเลี้ยวรถตามเดิม ภาพรวมถือว่ามีการแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้น แม้จะยัง
ไม่ดีพอเมื่อเทียบกับ Vios รุ่น Britney Spears ปี 2002 แต่แนวทางการเซ็ต
พวงมาลัยแบบนี้ ถือว่า ทีมวิศวกรของ Toyota เดินมาถูกทางแล้ว

รัศมีวงเลี้ยว ในรุ่น S จะอยู่ที่ 5.7 เมตร ขณะที่รุ่น G อยู่ที่ 5.1 เมตร ในแง่ของ
ความคล่องตัวในการขับขี่ทั่วไปทำได้ดีขึ้น แต่วงเลี้ยวของรุ่น S มันกว้างจน
เกินไปหน่อย

ระบบกันสะเทือนยังคงเหมือนเดิม ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัต พร้อม
เหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบคานบิด Torsion Beam แต่ทาง Toyota ได้
บอกว่า มีการปรับจูนใหม่เล็กน้อย ทำให้ การซับแรงสะเทือน ดีขึ้นจากรุ่นเดิม
นิดนึง อาการโยนตัวทั้งในแนวดิ่ง ระหว่างลงจากคอสะพาน และการโยนตัว
ไปทางด้านข้าง ขณะตัวรถอยู่ในทางโค้ง ลดลงเล็กน้อย การเกาะถนนในช่วง
ความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อผมสาดโค้งยาวๆ พบว่า ทั้งด้านหน้าและ
ด้านหลังนิ่งขึ้นกว่าเดิมจนรู้สึกได้ แต่เมื่อถึงความเร็ว 115 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เริ่มมีอาการดิ้นให้เจอ แบบพอรู้สึกได้

การเปลี่ยนเลนกะทันหันในช่วงความเร็ว 90-110 กิโลเมตร/ชั่วโมง นิ่งขึ้น
ต้องยกความดีให้กับระบบ VSC (Vehicle Stability Control) ซึ่งจะทำงาน
ในช่วงเสี้ยววินาที ที่ตรวจพบว่า ตัวรถมีแนวโน้มเริ่มไถล หรือเสียการทรงตัว
ระบบ VSC จะตัดการจ่ายน้ำมัน ทำให้คันเร่งกดลงไปแล้ว ไม่มีการสนองตอบ
ช่วงสั้นๆที่ระบบยังทำงาน รวมทั้งจะมีการส่งแรงดันน้ำมันเบรกไปยังล้อที่เกิด
อาการลื่นไถล กระจายไปทั้ง 4 ล้อ ตามความเหมาะสม

สำหรับใครก็ตามที่อยากรู้ว่า”แล้วรุ่น G กับ E ที่ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว มันต่างจาก
รุ่น S มากขนาดไหน?” โชคดีว่า ผมได้มีโอกาสลองขับรุ่น G ก่อนที่ผมจะลงมา
ฝึกงาน พบว่าการซับแรงสะเทือนยังคงนุ่มกำลังดีเหมือนเดิม ซึ่งต้องชี้แจงก่อน
ว่า ปกติ ช่วงล่างรุ่น G กับ E จะนุ่มนวลกว่ารุ่น S อยู่แล้ว แต่สิ่งที่แตกจากรุ่นเดิม
คือในช่วงเข้าโค้ง จะพบว่า มีความแข็งเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย และแค่นั้น…

ภาพรวมแล้ว ถือว่า ช่วงล่าง ปรับเซ็ตมาดีขึ้นกว่าเดิมนิดๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นดีจน
น่าประหลาดใจแต่อย่างใด และถ้าเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน ยังอยู่ใน
ระดับกึ่งกลางของกลุ่มพอดีๆ

ระบบห้ามล้อในรุ่นปกติ เป็นหน้าดิสก์-หลังดรัมเบรก แต่สำหรับรุ่น G กับรุ่น S
ที่เราทดลองขับกันอยู่นี้ ถูกอัพเกรด เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ โดยจานเบรกคู่หน้า
มีรูระบายความร้อน ทุกรุ่นติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรกกะทันหัน ABS
(Anti-Lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรกตามน้ำหนักบรรทุก EBD
(Electronics Brake Force Distribution) ระบบเพิ่มแรงเบรกในภาวะฉุกเฉิน
Brake Assist นอกจากนี้ยังได้เพิ่มระบบควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ VSC
(Vehicle Stability Control) พร้อมกับระบบป้องกันล้อฟรีและระบบควบคุม
การลื่นไถล TRC (Traction Control) รวมทั้งยังมีระบบ Brake Override
ช่วยลดปัญหาจากอาการพรมปูพื้นไหลไปขัดใต้แป้นคันเร่งหรือเบรก หาก
คุณเหยียบเบรก ทั้งที่คันเร่งยังทำงานอยู่ สมองกล ECU จะสั่งตัดการจ่าย
เชื้อเพลิง เพื่อให้คุณ นำรถยนต์ ประคองเข้าข้าทางได้อย่างปลอดภัย

การตอบสนองของแป้นเบรก การหน่วงความเร็ว ระยะเหยียบของแป้นเบรก
ยังคงมีบุคลิกเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ คือระยะฟรีแป้นเบรกช่วงต้น ไม่เยอะ
เมื่อเทียบกับ Corolla Altis แต่ถ้ากดแป้นเบรกแรงไป อาจทำให้ผู้โดยสาร
หัวทิ่มได้ เพราะการเซ็ตแป้นเบรกที่เบาและไวเกินไป จึงทำให้การหน่วงรถ
ลงมาจากช่วงความเร็วสูง ยังไม่ค่อยนุ่มนวลเท่าที่ควร

ในช่วงความเร็วต่ำ ขณะขับคลานๆ ในเมือง คุณยังคงสามารถควบคุมเท้าขวา
เท้าเพื่อให้เบรกทำงานชะลอรถจนหยุดนิ่งได้ ขณะเดียวกัน ในช่วงความเร็วสูง
หากต้องเหยียบเบรกเกินครึ่งหนึ่งของระยะเหยียบทั้งหมด ผ้าเบรกจะทำงาน
จับจานเบรกไว เหมือนกับ Toyota รุ่นอื่นๆ ในอดีตก่อนหน้านี้

ด้านความปลอดภัย ยังคงเหมือนเดิมทั้ง โครงสร้างนิรภัย GOA ถุงลมนิรภัย
คู่หน้า Dual SRS (Supplymental Restraint System) เบาะนั่งคู่หน้าแบบ
WIL (Whiplash Injury Lessening) เพื่อลดการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอ
เมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง เข็มขัดนิรภัยเป็นแบบ ELR 3 จุด ให้มาครบทั้ง
5 ตำแหน่ง พร้อมระบบ ดึงกลับอัตโนมัติ สำหรับคู่หน้า แต่ยังคงไม่สามารถ
ปรับระดับสูง-ต่ำได้ตามเคย เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้…

รุ่น Minorchange ช่วยใส่มาให้ด้วยก็ดีนะ!!

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Fuel_Consumption_1

********** การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย **********

ในเมื่อ Vios ใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงด้านเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ดังนั้นเราจึง
จำเป็นต้องทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยกันใหม่ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึง
ความแตกต่าง ว่าประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเดิม มากน้อยแค่ไหน? งานนี้ พี่ J!MMY
เลือกจะทดสอบด้วยตัวเองเหมือนเช่นเคย เพื่อให้มาตรฐานในการทดสอบยังคง
เหมือนเดิม และลดความผิดพลาดในการทดสอบ

เราเริ่มจากการนำรถไปเติมน้ำมันที่ สถานีบริการน้ำมัน Caltex ถนนพหลโยธิน
ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ฝั่งตรงข้ามซอยอารีย์สัมพันธ์ เราใช้น้ำมันเบนซิน 95
Techron หัวจ่ายเดิม เหมือนเช่นเดิม ทุกครั้งที่ผ่านมา

เนื่องด้วยกลุ่มลูกค้าที่ซื้อ รถยนต์กลุ่ม B-Segment ค่อนข้างอ่อนไหว กับอัตรา
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง กว่ารถยนต์ประเภทอื่นอยู่พอสมควร ดังนั้น เราจึงต้องเขย่า
และขย่มตัวรถกัน เพื่ออัดกรอกน้ำมันลงไปให้เต็มแน่นจนเอ่อขึ้นมาถึงปากคอถัง

ผู้ร่วมทดลองและสักขีพยานในการทดลองครั้งมีกันทั้งหมด 2 คน คือพี่เติ้ง
Kantapong Somchana แห่ง The Coup Team และ พี่พัด Napat Channual
คุณผู้อ่านของเว็บเรา ที่มาช่วยเขย่ารถในครั้งนี้

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Fuel_Consumption_2

หลังจากเติมน้ำมันจนเต็มถัง 42 เราก็เริ่มการทดลองขับ คาดเข็มขัดแล้วสตาร์ท
เครื่องยนต์ เซ็ท 0 บน Trip Meter เพื่อวัดระยะทาง เปิดแอร์ แล้ว ออกรถ ส่วน
เส้นทางยังคงเป็นมาตรฐานเดียวกัน คือ ออกจากปั้ม มุ่งหน้าไปเลี้ยวกลับรถบน
ถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายเข้าซอยอารีย์ ทะลุไปยังซอยข้างโรงเรียนเรวดี แล้ว
เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระราม 6 เลี้ยวขวา ขึ้นทางด่วนสายเชียงราก ไปลงปลาย
สุดทาง ที่ด่านบางปะอิน

จากนั้น เลี้ยวกลับ ย้อนมาขึ้นทางด่วนสายเดิม มุ่งหน้าย้อนกลับมาทางเดิม โดย
ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. เปิดแอร์นั่ง 2 คน เนื่องจากไม่มี Cruise Control
เลยต้องเลี้ยงคันเร่งให้นิ่งกันตลอดการทดสอบ ซึ่งพี่ J!MMY บ่นว่า “เลี้ยงไม่ง่าย
ถ้าจะเลี้ยงให้นิ่งที่ 110 กิโลเมตรชั่วโมง เป๊ะๆ เป็นเรื่องยากมาก”

เมื่อถึงทางลง อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เราเลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนนพหลโยธิน เลี้ยวกลับ
ที่ใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS อารีย์ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าสถานีบริการน้ำมัน Caltex
พหลโยธิน กันอีกครั้ง เพื่อเติมน้ำมัน เบนซิน 95 Techron กลับเข้าไปให้เต็มถัง
แล้วขย่มตัวรถเพื่อให้น้ำมันแน่นเอ่อจนถึงคอถังน้ำมัน ไม่ให้มีพื้นที่อากาศได้
วิ่งเล่นแม้แต่นิดเดียว

2016_06_Toyota_Vios_CVT_Fuel_Consumption_4

เราก็ได้ตัวเลขมาคำนวณกันครับ

ระยะทางที่แล่นไปบนมาตรวัด 91.7 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ 5.58 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.43 กิโลเมตร/ลิตร

Vios_table_2 vios_my2016_02

หากเปรียบเทียบกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ แต่เป็นเครื่องยนต์เก่าพบว่า ประหยัดน้ำมันขึ้น
กว่าเดิม 1.08 ลิตร แต่ถ้าลองเทียบกับเพื่อนฝูงในพิกัดเดียวกัน ถึงแม้ว่า Vios ใหม่
จะทำตัวเลขความประหยัดแซง Honda City แล้ว แต่ก็ยังเป็นรอง Mazda 2 Diesel
SKYACTIV อยู่ดี เราคงต้องปล่อยให้เขายืนครองถ้วยรางวัลประหยัดสุดในกลุ่มไป
ตามเดิม โดยไม่มีข้อแม้

ถึงตัวเลขที่ออกมาจะดูประหยัดกว่าเดิมก็จริง แต่เมื่อได้ลองใช้ชีวิตกับมัน ผมพบว่า
“รับประทานเอาเรื่อง” เพราะตลอด 1 สัปดาห์ ที่ผมใช้ชีวิตร่วมกัน หลังจากเติมน้ำมัน
จนเต็มถังตั้งแต่จบการทดสอบอัตราสิ้นเปลือง เราออกเดินทางไปหลายสถานที วิ่ง
ไปทำธุระ เข้าเมืองบางช่วงผมใช้ความเร็วถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีกด มีมุดบ้าง
ในบางจังหวะ เมื่อมาดูน้ำมันในถังระยะวิ่งไป 300 กิโลมตร น้ำมันเหลือครึ่งถังพอดี!!
จากน้ำมันเต็มถังความจุจนถึงคอถังน้ำมันบนมาตรวัดแสดงไว้อยู่ประมาณ 400 ถึง
500 กิโลเมตร

นั่นแปลว่า ถ้าคุณขับในลักษณะผู้”ปาด”เปรื่อง มีสันดานชอบจี้ชาวบ้านดุจโจรมุมตึก
อยู่ในสายเลือด อาจจะต้องทำใจเรื่องการกินน้ำมันที่ดุเอาเรื่อง แต่ถ้าคุณขับแบบช้าๆ
เรื่อยๆ ประดุจเหมือนเป็น Hipster มนุษย์ Slowlife ผู้เห็นไฟ Eco บนหน้าปัดแล้ว
ต้องรักษาอย่างดีดังเพชรที่อยู่ในมือ จะประหยัดไปได้มากกว่านี้อีกแน่ๆ

2016_06_Toyota_Vios_CVT_04

********** สรุป **********
แรงเท่าเดิม แต่เร่งแซงดีขึ้น ประหยัดขึ้น และ พวงมาลัยก็ดีขึ้น….แค่นั้น!?
ใช่ครับ แค่นั้นแหละ จริงๆนะ

กว่า 3 ปีมาแล้ว ที่ผมห่างหายจากเพื่อนคนนึงไป เพื่อนที่ผมรู้จักนิสัยใจคอ
เป็นอย่างดี เพื่อนที่เราต่างยอมรับได้ในตัวตนของกันและกัน เพื่อนที่พร้อม
จะออกผจญภัยไปไหนไปกัน โดยไม่หวั่นแม้วันมามาก…

(เดี๋ยวนะ นั้นมันผ้าอนามัยแล้ว!)

วันนี้ เพื่อนคนเดิมก็กลับมาพร้อมกับนิสัยที่เปลี่ยนไป อาจมองไม่เห็นความ
แตกต่างจากภายนอก เพราะสไตล์การแต่งตัวของมันก็ยังคงเหมือนเดิม แต่
พอได้พูดคุยเท่านั้นแหละ ถึงได้รู้ว่านิสัยดั้งเดิมที่ผมคุ้นเคยของเพื่อนคนนี้
มันมีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถึงจะไม่มากแต่ก็สัมผัสได้

สิ่งที่ทำให้เพื่อนคนนี้แตกต่างไปจากเดิม อยู่ที่สมรรถนะจากเครื่องยนต์และ
ระบบส่งกำลังซึ่งตอบสนองได้เร็วขึ้นในช่วงเร่งแซง อัตราเร่งไวขึ้นประมาณ
1 วินาที แถมยังประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีกนิดหน่อย เมื่อขับขี่ทางไกล

อีกประเด็นหนึ่งก็คือ การเปลี่ยนมาใช้เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน CVT
ที่หลายคนกังวลว่าจะอืดหรือเปล่านั้น กลับกลายเป็นว่า ทำงานผสานกับ
เครื่องยนต์ได้น่าพอใจ ไม่เป็นรองรุ่นพี่อย่าง Corolla Altis นัก

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนคนนี้ยังแอบไปเข้าฟิตเนส ทั้งช่วงล่าง พวงมาลัย และ
การเก็บเสียงให้ดีขึ้นจากรุ่นเดิมเล็กน้อย แม้จะไม่เยอะมากก็ตาม พวงมาลัย
เพาเวอร์ไฟฟ้า ที่นิ่งขึ้น On Center Feeling ดีขึ้น ลดอาการแต่งซ้าย – ขวา
ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงให้น้อยลงจากรุ่นเดิมจนสัมผัสได้ แม้กระทั่งการ
การปรับปรุงช่วงล่างให้หนึบและแข็งขึ้นนิดนึง ไปจนถึงการเก็บเสียงที่ดีขึ้น
ในช่วงความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง

นอกนั้น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมทั้งคัน ไม่เว้นแม้กระทั่ง จุดที่ควรปรับปรุง
ซึ่งพี่ J!MMY เคยเขียนไว้ในบทความรีวิว Vios ปี 2013 ก็ยังคงไม่ได้รับการ
แก้ไข ทั้งเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าที่ไม่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ ระยะห่างจาก
พวงมาลัยจนถึงขอบด้านบนของแผงคอนโซลหน้า เบาะหลังยังคงพับแยก
ฝั่งซ้าย-ขวาไม่ได้ ฟิวเจอร์บอร์ดสีดำที่ติดตั้งมาให้อยู่ ฯลฯ

ผมแค่สงสัยว่า Toyota อาจจะเก็บทุกรายละเอียดที่ควรจะปรับปรุงเหล่านี้
เอาไว้ให้กับรุ่น Minorchange ที่จะเปิดตัวในช่วงใดช่วงหนึ่งของปี 2017
ก็เป็นได้

-นอกเหนือจาก Vios แล้ว คู่แข่งในกลุ่ม B-Segment มีอะไรบ้าง-

Ford Fiesta
ในแง่การขับขี่ภาพรวมคือ ขับสนุกใช้ได้สไตล์ยุโรป มีเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร
EcoBoost ซึ่งให้สมรรถนะยอดเยี่ยมมากๆ และชุดเครื่องเสียง Sync เป็น
จุดขายสำคัญ กระนั้น เบาะนั่งยังคงแข็ง นั่งไม่สบาย และต่อให้ภาพรวม
ยังถือว่าน่าสนใจอยู่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาศูนย์บริการ แม้ว่ามีการปรับปรุง
อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ขอให้คุณเลือกศูนย์บริการให้ดีๆไม่อย่างนั้นคุณอาจจะ
ต้องซดน้ำใบบัวบกแก้ชีช้ำกะหล่ำปลีก็เป็นได้

Honda City
คู่กัดตลอดการที่มีดีในหลายด้านทั้งการขับขี่ที่มั่นใจกว่า Vios (แต่ช่วงล่าง
กลับเซ็ตมานุ่มกว่า รถยนต์รุ่นปี 2008) อัตราเร่ง แรงใช้ได้ แต่ความจัดจ้าน
อาจไม่ดีเท่า Vios ขณะที่ศูนย์บริการภาพรวมอยู่เกณฑ์พอไว้ใจได้

Mazda 2 SKYACTIV-D
รถยนต์ขนาด B-Segment แต่ราคา Eco Car (Phase2) ที่โดดเด่นด้านความ
ประหยัดน้ำมันและระบบเกียร์ที่ตอบสนองได้เป็นอย่างดี การขับขี่ที่คล่องตัว
และขับสนุก ช่วงล่างที่ให้ความมั่นใจได้ตามสไตล์ Mazda ขณะที่ศูนย์บริการ
ภาพรวมอยู่กลางๆ ไม่ได้ดีและไม่ได้แย่จนเกินไป ส่วนข้อด้อยคือ ขนาดห้อง
โดยสาร เล็กไปหน่อย

MG 5
รถยนต์แบรนด์อังกฤษ แต่เจ้าของเป็นคนจีน ภาพรวมการขับขี่ที่ดูมั่นใจที่สุด
ในตระกูล คือเบาและคล่องกว่า ทั้ง MG3 และ MG6 อัตราเร่งแซง ไวมาก
ที่ตอบสนองได้ดี แต่อาจต้องแลกกับอัตราสิ้นเปลืองที่กินจุกว่าชาวบ้าน
อยู่หน่อยนึง ส่วนการดูแลระยะยาวโดยศูนย์บริการ MG ยังต้องใช้เวลาเป็น
เครื่องพิสูจน์

2016_06_Toyota_Vios_CVT_05

– แล้ว Vios เหมาะกับใครบ้างละ?-

ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ซีเรียสมากในการซื้อรถยนต์สักหนึ่งคัน กำลังมองหา
รถเก๋งคันเล็ก เพื่อให้ลูกหลานขับขี่ไปโรงเรียน หรือเป็นรถยนต์คันแรก
ในชีวิต เน้นขับขี่แบบทั่วๆไป ไม่บ้าพลังหวือหวา แค่พอใช้ไปจ่ายตลาด
Vios คันนี้ก็เหมาะสมที่จะเป็นตัวเลือกสำหรับคุณ (รวมไปถึงครอบครัว
ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน ให้ลูกหลานซื้อรถยี่ห้อใดก็ได้ตราบเท่าที่มันถูก
พะยี่ห้อ Toyota )

5 รุ่นย่อยและราคาตามหน้าโชว์รูม
-1.5 S เกียร์อัตโนมัติ CVT………………………..749,000 บาท
-1.5 G เกียร์อัตโนมัติ CVT………………………..714,000 บาท
-1.5 E เกียร์อัตโนมัติ CVT………………………..669,000 บาท
-1.5 Exclusive เกียร์อัตโนมัติ CVT…………….662,300 บาท
-1.5 J เกียร์อัตโนมัติ CVT………………………..599,000 บาท

รุ่นย่อยที่เหมาะสำหรับผู้ซึ่งอยากได้อุปกรณ์ครบครัน พร้อมดด้วย
ชุดแต่งรอบคัน Toyota เพิ่งออกรุ่นย่อยใหม่ Exclusive เมื่อเดือน
มีนาคม 2016 โดยเพิ่มชุดสเกิร์ตและ Aero Parts รอบคันมาจาก
โรงงาน ล้ออัลลอยลายพิเศษ ภายในมีจอ DVD กล้องมองหลัง
ชุดอุปกรณ์เติมลมยาง และ ถาดใส่ของพร้อมกล่องเก็บสัมภาระ
ด้านท้ายรถ ซึ่งเหมาะกับสุภาพสตรีที่มองหาความคุ้มค่ามาก่อน
ประเด็นอื่นใด

แต่ถ้าตัดรุ่น Exclusive ออก ผมมองว่ารุ่นย่อย E คือรุ่นที่เหมาะ
สำหรับลูกค้าที่เน้นใช้งานทั่วไป ขับในเมืองเป็นหลัก มีเดินทาง
ออกต่างจังหวัดบ้าง หรือซื้อให้ลูกหลานขับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย

แม้ความปลอดภัยจะได้เหมือนกันกับทุกรุ่นย่อย แต่ถ้าเพิ่มเงินอีก
70,000 บาท จากรุ่น J สิ่งจะได้คือล้ออัลลอย 15 นิ้ว กระจกมองข้าง
ปรับพับแบบไฟฟ้า ภายในเลือกโทนสีได้ 2 แบบ แผ่นกันความร้อน
ใต้ฝากระโปรง และสัญญาณกันขโมย TDS

ในขณะที่รุ่นย่อย S อันเป็นรุ่นสูงสุด แม้ยอดขายจะไม่มากเท่าบรรดา
พี่น้องในตระกูล แต่จุดเด่นของมันคือช่วงล่างที่ปรับแข็งขึ้นนิดหน่อย
เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากปรับแต่งเพิ่มไปจากเดิม ก็เป็นตัวเลือกที่
ไม่เลวร้ายเกินไปหนัก
————————————————————————

ผมมอง Toyota Vios หลังจากที่ไม่ได้เจอกัน 3 ปี รู้สึกได้ว่ามีการ
เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ทั้งเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ไวในช่วง
เร่งแซงและประหยัดน้ำมันมากขึ้น เกียร์ที่มีความจัดจ้านและลื่นไหล
กว่าเดิม การขับขี่ที่นิ่งและเป็นธรรมชาติมากขึ้น จนทำให้ผมเริ่มมอง
Vios เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นจากรุ่นเดิมนิดนึง

ขณะเดียวกัน ถ้าผมซื้อรถยนต์คันแรก พิกัด B-Segment 1,500 ซีซี
สักคันนึง ผมกลับสนใจรถคู่แข่งระดับเดียวกัน เพราะความสดใหม่
ที่น่าสนใจกว่า อีกทั้งเมื่อผมจ่ายเงินไปในราคาที่ใกล้เคียงกัน สิ่งที่ได้มา
กลับเหนือกว่า ทั้งการตกแต่งภายในห้องโดยสาร รวมไปถึงวัสดุซึ่ง
ให้ผิวสัมผัสที่ดีกว่า การขับขี่ที่มีความมั่นใจกว่า และ ระบบความ
ปลอดภัยมากกว่า ทำให้ Vios ยังเป็นรถที่มีเสน่ห์ไม่มากพอจะ
ให้อยู่ในตัวเลือกสำหรับการซื้อรถของผม

แต่ไม่ได้แปลว่าคุณผู้อ่านจะต้องเชื่อผมตลอดครับ ผมอยากให้คุณศึกษา
รายละเอียดของรถแต่ละรุ่น ไปทดลองขับ แล้วลองพิจารณาให้ดีๆ

เพราะบางทีเพื่อนที่มีนิสัยไม่ถูกใจสำหรับผม มันอาจจะถูกชะตากับคุณก็เป็นได้

——————————///——————————

2016_06_Toyota_Vios_CVT_06

ขอขอบคุณ / Special Thanks to :
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท Toyota Motor (Thailand) จำกัด
เอื้อเฟื้อรถยนต์ทดลองขับ

 


 

 

Naow (Thanakrit Inmaton)
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย ทั้งหมด เป็นผลงานของผู้เขียน และ J!MMY
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
30 มิถุนายน 2016

Copyright (c) 2016 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission
is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
June 30th, 2016

แสดงความคิดเห็น เชิญได้ คลิกที่นี่ / Comments are Welcome! CLICK HERE!