การแพร่ระบาดของโรงระบบทางเดินหายใจ อันเกิดจากเชื้อ Corona Virus หรือ ที่องค์การอนามัยโลก (WHO ; World Health Organization) ประกาศเรียกมันว่า “Covid-19” นอกจากจะส่งผลกระทบถึงสุขภาพและอนามัย ของประชากรโลกกว่า 7 พันล้านคน จนทุกชาติต้องพร้อมใจกัน ออกมาประกาศให้การ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ (ของคุณเอง)” เป็นวาระแห่งโลก แล้ว ยังส่งแรงสะเทือนขั้นรุนแรงต่อสภาพเศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลก ให้ปักหัวดิ่ง ทิ่มหัวลง ในทุกภาคธุรกิจ อย่างเห็นได้ชัด บรรดาบริษัทห้างร้านต่างๆ เริ่มทะยอยอาศัยจังหวะนี้ ปรับรูปแบบการทำงานเป็นแบบ WTF…เอ้ย WFH (Work From Hell…อุ๊บส์… Home แหะๆ) เฉพาะในแผนกหรือหน่วยงานที่สามารถทำได้ จนหลายองค์กร เริ่มเห็นลู่ทางว่า อาจจะปรับลดตำแหน่งงานที่ไม่จำเป็นลงไปได้เยอะอยู่ จึงเริ่มทะยอยปลด หรือลดคนงานลง ทั้งแบบค่อยเป็นค่อยไป ลดวันทำงาน ลดการจ่ายเงินเดือน หรือถึงขั้น ปลดคนงานออก เพื่อห้ามเลือดไม่ให้ไหลหนัก รักษาสัญญาณชีพขององค์กรนั้นๆให้ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป

ขณะเดียวกัน ก็ยังคงมีตำแหน่งงานอีกจำนวนมาก ซึ่งยังคงต้องมีการออกไปปฏิบัติงาน ทั้งที่สำนักงาน หรือนอกสถานที่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โรคก็จำเป็นต้องเสี่ยง แต่งานก็จำเป็นต้องทำ ในขณะที่ระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ตั้งแต่รถประจำทาง ขสมก. รถไฟฟ้า BTS , MRT ฯลฯ กำลังเริ่มถูกจำกัดรอบเดินรถ เพื่อลดการใช้บริการของประชาชน ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสลงได้ไม่น้อย การเลือกใช้บริการ รถ Taxi ก็ยิ่งดูมีความเสี่ยงมากเข้าไปอีก เราไม่รู้เลยว่า คนขับเหล่านั้น ไปรับลูกค้าที่ไหนมาบ้าง คนพวกนั้น จะแพร่เชื้อ Covid-19 มาให้คนขับ Taxi ก่อนแพร่กระจายมาถึงตัวเราหรือเปล่า หากจะนั่งรถ Tuk Tuk ก็มีโอกาสเสี่ยงน้อยกว่า เพราะอากาศเปิดโล่งกว่า แต่ก็เหมาะกับการขนส่งสินค้า ขนาดใหญ่เกินกว่าที่ บรรดา จักรยานยนต์รับจ้าง จำพวก Grab Bike , Line Man . Food Panda , LaLa Move เค้ารับมือไหว มากกว่าจะใช้โดยสาร ดังนั้น บางครอบครัว ก็หันมาใช้รถยนต์สวนตัว ออกมาทำงานทำการทำธุระต่างๆ เท่าที่จำเป็นกัน

สำหรับผู้คนที่มีงานประจำยังดีอยู่ ยังไม่ถูกลดเงินเดือน ยังไม่ถูกยื่นซองขาว (หน้าตาคล้ายซองผ้าป่า แต่มันคือซองใบลาออก) กระทันหัน หากจำเป็นต้องใช้รถ และรถยนต์ของคุณยังใช้งานได้ดี เพิ่งถอยรถป้ายแดงออกมา และยังพอจะมีกำลังผ่อนต่อไหว คุณโคตรโชคดีเลยครับ รักเจ้านายของคุณให้มากๆนะครับ พวกเขาต้องต่อสู้อย่างหนัก เพื่อจะทำให้คุณยังมีรายได้ไปดูแลตัวคุณเองและครอบครัว ส่วนใครที่ผ่อนไม่ไหว ก็ลองเจรจากับบรรดาเจ้าหน้าที่ สถาบันการเงิน ทั้ง Finance หรือ Leasing ต่างๆ ที่คุณใช้บริการอยู่ ว่าพอจะลดความใจจืดใจดำกันให้คุณพอผ่านพ้นช่วงเวลา อันน่าปวดกบาล อย่างนี้ ได้มากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งยังจำเป็นจะต้องซื้อรถมาใช้วิ่งไปทำงาน ท่ามกลางสภาวะที่โคตรเสี่ยงขนาดนี้ คนกลุ่มดังกล่าว เป็นพนักงานกินเงินเดือน เป็นเจ้าของรถเก่า ใช้งานมาเกินกว่า 7 – 8 ปี และรถของพวกเขา ก็เริ่มงอแง ออกอาการอ้อนอยากขึ้นไปนอนแผ่หราบนยานแม่ (รถสไลด์) และเขมือบค่าซ่อมเริ่มถี่ขึ้น จนกระทั่ง การซ่อมแซม เริ่มไม่คุ้มค่าอีกต่อไป

การขายรถคันเดิมทิ้ง แล้วไปออกรถมือสอง ในปีที่ใหม่ขึ้นมาหน่อย สภาพดีขึ้นมาหน่อย ในราคาไม่เกิน 300,000 – 500,000 บาท อาจเป็นทางออกที่ดีสำหรับหลายๆคน เพราะคุณจะยังได้รถคันใหญ่ขึ้น สภาพพอรับได้ ยังไม่ต้องปวดหัวกับการซ่อมมากนัก ซื้อมาเปลี่ยนถ่ายของเหลวในระบบทั้ง น้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น น้ำมันเกียร์ ฯลฯ ก็น่าจะพอกล้อมแกล้มใช้งานไปก่อนได้ในสภาวะแบบนี้

แต่สำหรับบางคน เขาก็ไม่แน่ใจ และไม่อยากเสี่ยงกับการซื้อรถมือสอง ซึ่งผ่านมือใครที่ไหนก็ไม่รู้มา ไม่รู้ว่าบำรุงรักษาดีไหม เคยมีศพโดนยิงนอนตายอยู่ในรถไหม แอบซ่อนปัญหาอะไรที่เราไม่รู้หรือเปล่า ดังนั้น อีกทางเลือกหนึ่ง ที่เหลืออยู๋ ก็คือการทุบกระปุก เอารถคันเก่า ไปขายตามเต๊นท์ หรือตาม Website ซื้อขายรถ-สินค้า มือสอง เพื่อนำเงิน ไปผ่อนรถใหม่ป้ายแดงa

กระนั้น ในเวลานี้ ถ้าจะถอยรถป้ายแดงสักคัน สถาบันการเงินจะเริ่มเข้มงวดกับการปล่อยอนุมัติสินเชื่อ ในระดับยากโคตร ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรถยนต์ ก็อยากจะขายรถใหม่ให้ได้เงินเข้ามาหล่อเลี้ยงหมุนเวียนกิจการทั้งระบบกันต่อไป ดังนั้น ตลาดกลุ่มหนึ่ง ที่น่าจับตามองก็คือ รถยนต์ป้ายแดง ที่มีระดับราคา ตั้งแต่ 300,000 แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งรถยนต์เหล่านี้ แทบทุกรุ่น เป็นรถยนต์ในกลุ่มพิกัด B-Segment & ECO-Car ซึ่งแต่เดิม ทั้ง 2 กลุ่มตลาดนี้ เคยถูกแยกจากกัน ด้วยพิกัดขนาดเครื่องยนต์ แต่ในวันนี้ มันถูกควบรวมกันในทางพฤตินัยเรียบร้อยแล้ว จากการออกสู่ตลาดของ รถเก๋งเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร Turbo แต่มีตัวถังขนาดใหญ่โตพอกับกลุ่ม B-Segment เดิม

Headlightmag.com ก็เลยรวบรวมรายชื่อรุ่นรถยนต์ป้ายแดงที่มีระดับราคา 300,000 – 500,000 บาท เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคุณผู้อ่าน ในกลุ่มที่ยังมีทุนทรัพย์ไม่มากนัก แต่จำเป็นโคตรๆ ที่จะต้องซื้อรถใหม่ มาวิ่งทำงาน ในยามนี้

อย่างไรก็ตาม หมายเหตุเอาไว้เล็กน้อยว่า

  1. การเรียงลำดับ จะเริ่มจาก รุ่นย่อยเริ่มต้นรถยนต์ที่มีราคาถูกสุด ไปถึง รุ่นย่อยเริ่มต้นของรถยนต์ที่มีราคาสูงสุด
  2. ราคาทั้งหมด ตรวจสอบว่าถูกต้อง ณ วันที่ 15 เมษายน 2020 โปรดตรวจสอบราคาอีกครั้งกับผู้จำหน่าย
  3. ราคาขายปลีก ของรถบางรุ่น ที่ตั้งไว้ อาจสูงกว่า 500,000 บาท แต่ยังถูกนำมาใส่ในบทความนี้ เนื่องจากว่า หากลองเดินเข้าโชว์รูม แต่ละแห่ง เพื่อเจรจาต่อรองกันจริงๆ ส่วนลดจากราคาขายปลีก อาจถูกลงมาได้ต่ำกว่า 500,000 บาท ซึ่งต้องลองไปเจรจากันเอาเอง เพราะ Headlightmag.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกกรณี
  4. พึงระลักไว้เสมอว่า จะต่อรองราคากัน ก็ย่อมทำได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของลูกค้าเต็มๆ  แต่เปรียบเทียบราคา และโปรโมชัน กันเต็มที่สุดแค่ 2 โชว์รูม ก็พอ และโปรดเหลือค่า คอมมิชชั่นให้เซลส์ เขาไว้ต่อชีวิตตัวเองด้วย ไม่ใช่เอาแต่ช้อปเปรียบเทียบกันสนุกมือ ทีละหลายโชว์รูม อย่าลืมว่า พนักงานขายหนะ เขาก็มีคอนเนคชัน รู้จักกันไปมาอยู่เหมือนกันนะครับ ถ้าคุณขอส่วนลดเยอะเต็มแม็ก จนเขาไม่เหลือรายได้เลย ถ้าต่อมา พบว่าเขาบริการคุณไม่ดี ก็อยาไปว่าเขาทีหลังแล้วกัน พนักงานขายรถหลายๆโชว์รูม มีตั้งแต่ เงินเดือนแค่ 10,000 บาท จนถึง ไม่มีเงินเดือนให้เลย กินอยู่ได้ด้วยค่าคอมมิชชั่น นะครับ

——————————————-

Suzuki CELERIO
รุ่นย่อยในงบดังกล่าว
1.0 GA 5MT 318,000 บาท
1.0 GL CVT 398,000 บาท
1.0 GX CVT 427,000 บาท

นับตั้งแต่เปิดตัวในเมืองไทยครั้งแรก เมื่อ 29 พฤษภาคม 2014 จนถึงตอนนี้ ก็เป็นเวลา 6 ปีเข้าไปแล้วที่ Suzuki Celerio ยังคงยืนหยัดยึดตำแหน่ง รถยนต์นั่งส่วนบุคคลประกอบในประเทศ ที่มีราคา ถูกที่สุดในประเทศไทย อันที่จริง หากไม่นับว่า ตัวรถมีรูปทรงเรียบง่ายเกินไปหน่อย ไม่ค่อยสวยน่าดึงดูดใจเหมือนพี่ๆร่วมตระกูลอย่าง Swift หรือ Ciazเพราะมันเกิดมาเพื่อเป็น Basic Entry Car สำหรับคนงบน้อย หรือครอบครัวเล็กๆ พ่อบ้านแม่บ้าน เก็บหอมรอมริบ ต้องการยกระดับชีวิต จากการใช้มอเตอร์ไซค์ จึงมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้ เท่าที่จำเป็นจริงๆ ไม่ได้มีสิ่งฟุ่มเฟือยใดๆมาให้เลย

การเลือกรุ่นแพงสุด GX ดูเหมือนเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะคุณจะได้อุปกรณ์ประจำรถ ครบครันมากกว่า รุ่นอื่นๆ แต่สำหรับผม รุ่น GL CVT แม้อาจจะดูไม่หรูนัก แต่ก็มีอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานต่างๆ ซึ่งพึงสมควรจะมีมาให้ในรถยนต์ระดับนี้ถือว่า เพียงพอ และเหมาะสมแล้ว ถ้าไม่คิดมากเรื่องราคาขายต่อ หรือมองแค่ว่า เป็นพาหนะเพื่อการเดินทางจากบ้าน ไปที่ทำงานกันจริงๆ GL เป็นรุ่นที่ผมมองว่า Best buy ที่สุด หากคุณยังยืนยันกับ Celerio จริงๆ

ส่วนรุ่น GA เกียร์ธรรมดานั้น ยังคงน่าสงสาร ตามเคยเพราะทุกอุปกรณ์ที่มีในรุ่น GL กับ GX ถูกตัดซะเหี้ยน เจี๋ยนซะด้วนชวนไม่น่าซื้อมาขับเท่าไหร่นัก แต่มองอีกมุมหนึ่ง มันก็เหมาะสำหรับคนที่คิดจะซื้อรถยนต์ขนาดเล็ก เป็นรถบริษัท สำหรับวิ่งงานในเมืองใหญ่ หรือขับออกไปแถวปริมณฑล

บางโชว์รูม ก็มีส่วนลดลงมาให้อีก ประมาณ 20,000 บาท ทำให้ราคาขายปลีก ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ยิ่งถูกสุดๆ ลงไปอีก เหลือเพียง 298,000 บาท! และทำให้รุ่น GX เหลือเพียง 407,000 บาท ลองไปคุยกันเอาเอง

บทความ Full Review Click Here
ราคา และรายการอุปกรณ์ของแต่ละรุ่นย่อย (Price & Specification) Click Here
Promotion ส่งเสริมการขาย Click Here

——————————————-

Nissan MARCH
รุ่นย่อยในงบดังกล่าว
1.2 S 5MT 420,000 บาท
1.2 E 5MT 480,000 บาท
1.2 E CVT 495,000 บาท
1.2 EL CVT 510,000 บาท

อีกตัวเลือกราคาประหยัด สำหรับกลุ่มลูกค้าที่งบน้อย แต่คิดจะยกระดับคุณภาพชีวิต จากมอเตอร์ไซค์ มาเป็นรถเก๋งคันแรกในครัวเรือน นั่นละคือเหตุผลที่ทำให้รุ่นเกียร์ธรรมดา ขายดีกว่ารุ่น CVT ในตลาดต่างจังหวัด จุดขายอยู่ที่ขนาดตัวรถใหญ่กว่า Celerio อีกระดับ มาพร้อมความโปร่งของห้องโดยสาร และส่วนลดราคาขายหน้าโชว์รูม กระนั้น เรื่องการขับขี่ ถือว่า ไปใช้งานในเมืองได้ตามสมควร พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ก็เซ็ตมาไม่เป็นธรรมชาติ ช่วงล่างก็เบาๆลอยๆ ดีกว่า Mirage นิดเดียว กระนั้น อัตราเร่งก็ยังดีกว่า Nissan Note นิดนึง ทั้งที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรเหมือนกัน (เพราะ March น้ำหนักเบากว่า)

ราคาเมื่อรวมส่วนลดหน้าโชว์รูม มีตั้งแต่ 30,000 – 50,000 บาท หักกลบลบกันแล้ว อาจถูกกว่าป้ายราคาอยู่มาก ราคารุ่น 1.2 S มีลงต่ำถึงหลัก 3xx,xxx บาท แต่ถ้าจะให้ดี 1.2 E 5MT และ CVT เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสุด

บทความ Full Review (รถรุ่นปี 2010 ซึ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลงงานวิศวกรรมถึงปัจจุบัน) Click Here
ราคา และรายการอุปกรณ์ของแต่ละรุ่นย่อย (Price & Specification) Click Here
Promotion ส่งเสริมการขาย Click Here

——————————————-

Mitsubishi Mirage / Mitsubishi Attrage
รุ่นย่อยในงบดังกล่าว

Mirage 1.2 GLX 5MT         474,000 บาท
Mirage 1.2 GLX CVT          509,000 บาท

Attrage 1.2 GLX 5MT         494,000 บาท
Attrage 1.2 GLX CVT          536,000 บาท

หลังจากลากทำตลาดรุ่นเดิมมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2012 และ มีนาคม 2013 เวลาผ่านไป Mirage กับ Attrage 2 พี่น้อง B-Segment ECO Car ของค่าย Three-daimonds เพิ่งจะได้ฤกษ์ปรับโฉม Minorchange ใหญ่ เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อ เดือนพฤศจิกายน 2019 มาหมาดๆ ให้มีหน้าตาดูสวยเฉี่ยว คมขึ้น แต่ฉีกออกจากตัวถังทั้งคันที่เหลือราวกับเป็นรถคนละคันจับมาเชื่อมต่อกัน

จุดเด่นที่ยังพอจะหาได้ คือ การติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐานมาให้เยอะที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ รวมทั้งการติดตั้งระบบ FCW มาให้เป็นรายแรกของ B-Segment ECO Car เมืองไทย และการปรับเซ็ตพวงมาลัย รวมทั้งช่วงล่าง ให้ตอบสนองดีขึ้นจนเป็นธรรมชาติขึ้นมาก นอกนั้นตัวถังก็เล็กกว่าใครเพื่อน การขับขี่ ก็คล่องๆ แต่เบาๆ ความมั่นใจค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับชาวบ้านชาวช่อง

รุ่นย่อยที่เลือกมา รวม 4 รุ่น หากเจรจาขอส่วนลดเงินสดตอนนี้ น่าจะเยอะอยู่พอสมควร หลักหลายหมื่น จนทำให้ค่าตัวลดลงไปอยู่ในระดับ 4xx,xxx บาท ได้ แต่ก็ยังต้องพึ่งพา Promotion แรงๆ ของแต่ละตัวแทนจำหน่าย อยู่ดี

บทความ Full Review Click Here
ราคา และรายการอุปกรณ์แต่ละรุ่นย่อย (Price & Specification) Click Here
Promotion ส่งเสริมการขาย Click Here & Click Here

——————————————-

Honda Brio / Honda Brio AMAZE
รุ่นย่อยในงบดังกล่าว
Hatchback 5 Dr. 1.2 V CVT  495,000 าท
Amaze 4 Dr. 1.2 V CVT  517,000 าท (ราคาก่อนส่วนลด แต่ละโชว์รูม)
(หมายเหตุ : สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท)

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ติดล้อ ยังคงลากขายกันอยู่บนโชว์รูม Honda ในเมืองไทย ควบคู่ไปทั้งตัวถัง Hatchback 5 ประตู และ Sedan ในชื่อ Brio AMAZE ซึ่งก็มีตัวถังสั้นจน Amaze สมชื่อจริงๆ การปรับโฉม Minorchange ครั้งล่าสุด เมื่อ 17 พฤษภาคม 2016 นอกจากจะเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ แล้ว ยังตัดรุ่นเกียร์ธรรมดา ออกไปทั้งยวง อีกด้วย เนื่องจากว่า รุ่นปกติ ก็ขายได้น้อยแล้ว รุ่นเกียร์ธรรมดา ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ต่อให้ Brio จะมีพวงมาลัย กับขุมพลัง ที่เซ็ตมาดีสมตัว และ Packaging ของตัวรถ จะเหมาะกับการใช้งานของคนโสด แต่ดูเหมือนว่า Honda ไม่อยากใส่ใจใยดีกับรถคันนี้เสียแล้ว เพราะเข็นยังไงก็เข็นไม่ขึ้น เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพียงเพราะงานออกแบบภายนอกของรถทั้งคันที่ดู Look Cheap ไม่โดนใจลูกค้า จนขายไม่ออกตลอดอายุตลาด ขนาดจับเปลี่ยนโฉม Minorchange กันไปแล้ว สถานการณ์ยอดขายก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย นี่คือตัวอย่างของการโดนจำกัดงบในการพัฒนา รวมทั้งยังศึกษาลูกค้าชาวไทยมาไม่ดีพอ เพราะมัวแต่ไปเอาใจลูกค้าชาวอินเดียจนขายดีที่นั่น

ถ้าจะเลือกตัวถัง Hatchback ก็มีเหลือให้เลือกเพียงรุ่นย่อยเดียว ซึ่งต่อให้มีส่วนลดหน้าโชว์รูม ก็คงไม่เยอะมากพอที่จะทำให้ลูกค้า เบนความสนใจมาจาก Celerio , March หรือ Mirage ได้มากนัก

ส่วน Brio รุ่นใหม่ ที่ขายกันไปแล้วใน India ยืนยันว่า ไม่มาเมืองไทยอย่างแน่นอนแล้ว คาดว่า Honda ก็คงจะค่อยๆ ขาย Brio ทั้ง 2 ตัวถัง เท่าที่มีอยู่ในสต็อกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด และคงต้องปล่อยให้ Brio ค่อยๆหายไปจากตลาดอย่างเงียบๆ “ภายในปี 2020 นี้” ซึ่งนั่นคือทางออกที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ

ส่วนลดต่างๆ ต่อรองจากพนักงานขายในแต่ละโชว์รูมได้ อาจทำให้ราคาหล่นลงมาป้วนเปี้ยนแถวๆ 4xx,xxx บาท กลางๆ พอได้ แต่สำหรับรุ่น Black Sport Special Edition สีดำ พร้อมชุดแต่ง Modulo Aero Package นั้น น่าจะยากที่จะขอส่วนลด และคาดว่า ราคาน่าจะจบได้เกินกว่า 5xx,xxx บาท มากกว่า

บทความ Full Review Brio (โฉมแรก แต่งานวิศวกรรมเหมือนรุ่นปัจจุบัน) Click Here
บทความ Full Review Brio Amaze (โฉมแรก แต่งานวิศวกรรมเหมือนรุ่นปัจจุบัน) Click Here
ราคา และรายการอุปกรณ์ของแต่ละรุ่นย่อย (Price & Specification) Click Here
Promotion ส่งเสริมการขาย Click Here

——————————————-

Suzuki SWIFT
รุ่นย่อยในงบดังกล่าว
1.2 GA CVT 499,000 บาท
1.2 GL CVT  536,000 บาท (ราคาก่อนส่วนลดตามแต่ละโชว์รูม)
1.2 GL Sport Edition 541,000 บาท (ราคาก่อนส่วนลดตามแต่ละโชว์รูม)

ก้าวขึ้นมาแซงหน้าบรรดา เพื่อนพ้อง ECO-Car ตัวถัง Hatchback ด้วยกันทั้งหมด ด้วยจุดเด่นด้านการบังคับควบคุม คล่องแคล่วได้ดังใจ สไตล์ยุโรป แต่ยังนุ่มสบายแบบญี่ปุ่น แถมเครื่องยนต์ยังแรงกว่าเดิม และประหยัดกว่าเดิม ทั้งที่ตัวเลขแรงม้าแรงบิด น้อยกว่ารุ่นเดิมด้วยซ้ำ กลายเป็นตัวเลือกที่ดีงาม ถ้าไม่ติดในเรื่อง Option ด้านความปลอดภัย ที่เริ่มน้อยกว่าคู่แข่งนิดๆ ราคาอะไหล่แท้ ยังถูกกว่าค่ายอื่น ส่วนเรื่องศูนย์บริการ นั้น ดีลเลอร์แถวภาคอีสาน ได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ ขณะที่ดีลเลอร์ทางปักษ์ใต้ บางแห่งดีมาก แต่บางแห่งก็จะโดนเสียงด่าเยอะหน่อย

รุ่น GA เป็นรุ่นพื้นฐาน ดูไม่ค่อยมีอุปกรณ์ใดๆมาให้มากนัก ส่วนรุ่น GL นั้น อุปกรณ์หลายอย่าง ถูกตัดออกไปจาก Swift 1.2 รุ่นก่อน เพียบ ไม่เว้นแม้กระทั่ง Bluetooth ซึ่งควรจะมีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์ระดับนี้ได้แล้ว จึงกลายเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้ Swift แต่งบมีจำกัด นั่นแปลว่า อุปกรณ์ที่คุณจะได้รับ ก็จำกัดไปตามราคารถ อย่างไม่ควรเป็นด้วย เพราะถ้าจะขยับขึ้นไปเล่นรุ่น GLX ก็ต้องจ่ายเกินงบไปมากเหมือนกัน

ส่วนลดหน้าโชว์รูม จากราคาป้าย ขณะนี้ มีประมาณ 50,000 บาท ซึ่งมากพอที่จะทำให้ 3 จาก 5 รุ่นย่อย มีราคาถูกลงจนถึงระดับ 4xx,xxx บาท ได้ ไปคุยกับแต่ละโชว์รูมกันเอาเอง

บทความ Full Review Click Here
ราคา และรายการอุปกรณ์ของแต่ละรุ่นย่อย Click Here 
Promotion ส่งเสริมการขาย Click Here

——————————————-

Nissan Almera 1.0 Turbo
รุ่นย่อยในงบดังกล่าว
1.0 Turbo S  499,000 บาท
1.0 Turbo E  509,000 บาท (ราคาก่อนส่วนลดตามแต่ละโชว์รูม)

หลังจากทนขาย March และ Note มานานหลายปี ในที่สุด Nissan ก็มีรถสวยๆ ขายแข่งกับชาวบ้านเขาเสียที ความหวังของชาวโรงงานบางเสาธง พร้อมชักธงรบกันแล้ว ข้อดีคือ ขุมพลังใหม่ เบนซิน 1.0 Turbo ไม่อืด แต่ก็ไม่ถึงกับแรงนัก ต้องกดปุ่ม Sport จึงจะแรงขึ้นนิดนึง ภายในมาพร้อมลูกเล่น Hi-Tech การตกแต่งที่ดีงามขึ้น พวงมาลัยเซ็ตมาดี อัตราทดพอกับ Note ตอบสนองเหมือน Note แต่เบาไปหน่อย ต้องหนืดกว่านี้อีกนิด ช่วงล่าง คล้าย Suzuki Ciaz คือ แนวนุ่ม แต่ทรงตัวถือว่าใช้ได้ เบรกเซ็ตมาเหมือน Mirage Attrage คือ แป้นเบรกเบา นุ่ม ระยะเหยียบยาวปานกลาง แรงต้านเท้าน้อย และยังคงรักษาจุดเด่นด้านความกว้างขวางของพื้นที่วางขาด้านหลังตามเดิม ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะ ทำใจ นั่งแล้วหัวติดเหมือนเดิมเช่นกัน อักจุดเด่นคือ Option ด้านความปลอดภัย ที่ใส่มาให้มากกว่าคู่แข่ง แต่คุณต้องข้ามชั้นขึ้นไปเล่นรุ่น EL ขึ้นไป ซึ่งแพงกว่า งบที่บทความนี้กำหนดไว้ ทีนี้ก็เหลือแต่ ดีลเลอร์จะดูแลลูกค้าดีแค่ไหน เพราะโอกาสทองแบบนี้ มันมีมาโผล่แค่ไม่กี่ครั้ง

รุ่นย่อยที่มีราคาขายต่ำกว่า 500,000 บาท มีเพียงรุ่นเดียว นั่นคือ 1.0 Turbo S  (499,000 บาท) ได้ อุปกรณ์ประจำรถมประมาณหนึ่ง แต่ ถ้าคุณคิดจะขยับขึ้นไปหารุ่น 1.0 Turbo E ซึ่งติดป้ายราคาแพงขึ้น 10,000 บาท ละก็ ลองถามหาส่วนลดจากเซลส์ดู น่าจะได้เต็มที่ก็ราวๆ 15,000 – 20,000 บาท  ซึ่งก็ทำให้ค่าตัวถูกลงไปต่ำกว่า 500,000 บาท พอสมควร เช่นรุ่น 1.0 Turbo E เหลือเพียงแค่ 489,000 บาท ก็เป็นไปได้

บทความ Full Review Click Here
ราคาและรายการอุปกรณ์ของแต่ละรุ่นย่อย (Price & Specification) Click Here
Promotion ส่งเสริมการขาย Click Here

——————————————-

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย ทั้งหมด เป็นผลงานของผู้เขียน / บริษัทผู้ผลิต
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.Headlightmag.com
17 เมษายน 2020

Copyright (c) 2020 Text and Pictures
Use of such content either in part
or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
April 17th,2020

——————————————